ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Animal Inspired : ผีเสื้อปีกหัก

ผีเสื้อ เป็นสัตว์ปีกที่สวยงาม
มันบินได้เพราะปีก
และปีกของมันก็ถูกแต่งแต้มไปด้วยลวดลายต่างๆ
บ้างก็เป็นลายสีสันสวยงาม
บ้างก็เป็นเพียงสีขาวดำเอาไว้หลอกตาศัตรู

“ ปีกของผีเสื้อสำคัญที่สุด ขาดปีก มันก็บินไม่ได้
แล้วคนเราล่ะ....อะไรสำคัญที่สุด ”
สิ่งที่เราใฝ่ฝันมาว่าชั่วชีวิตหนึ่ง
อยากได้ อยากมี อยากเป็น
เราขาดมันได้หรือไม่
ถ้าเราขาดมันได้ แล้วอะไรล่ะ
ที่เราลืมไปแล้ว ว่ามันคือสิ่งที่เราไม่ต้องไขว่คว้า
ยามที่เราท้อ เราพ่ายแพ้ หมดหวังในชีวิต
มันก็อยู่กับเราตลอดเวลา
เพียงแต่รอเวลาที่จะถูกใช้เพียงเท่านั้น

คำตอบอยู่ไม่ไกลตัวเรานี่เอง

 “ปล่อยวาง...
คำคำเดียวที่ทำให้โลกของเราสดใสขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
คำที่ผีเสื้อปีกหักจะพูดกับตัวเองได้ในวันที่แพ้
จนถึงวันนั้น
แม้มันไม่มีปีก มันก็จะไม่เสียใจ”

เพียงแค่เราปล่อยวาง
สิ่งที่ผิดพลาดไปวันนั้น
สิ่งที่เป็นบาดแผล ตอกย้ำหัวใจของเรา
ก็จะค่อยๆหายไป

ผีเสื้อปีกหัก ก็จะโบยบินไปในโลกของตัวเอง อย่างไม่ต้องเป็นทุกข์อีกต่อไป

Inspired by  Butterfly

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

2019 in Brief

บันทึกของปี 2019 (โดยสังเขป)  จาก 2018 ที่ทลายความเชื่อเรื่องความสัมพันธ์ในใจเรา ทำให้เราต้องตั้งหลักกับ self-relationship มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นได้ทั้งหมด เราพยายาม คอร์สดำน้ำช่วยได้ระดับหนึ่ง คนใกล้ตัวระดับหนึ่ง App Slowly ระดับหนึ่ง เริ่ม 2019 ได้กระท่อนกระแท่น ปั่นป่วน ทั้งเรื่องงาน ทั้งใจ รู้สึกตัวเองเปราะบาง รับมือและจัดการกับปัญหาได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น ความรับผิดชอบ หน้าที่มากขึ้น เราไม่ค่อยฟุ้งซ่านแล้ว ทริปที่ฮีลในช่วงต้นปีคงเป็นทริปต่างประเทศครั้งแรกกับเเม่และน้องสาว พาหนาว พาหลง เป็นทริปที่ดีมากๆ และตั้งใจว่าจะหาเวลาไปเที่ยวกับครอบครัวให้มากขึ้น เรายังสนิทกันได้มากกว่านี้ Lesson learn หนึ่งอย่าง คืออยู่กับอะไรให้โฟกัสกับสิ่งนั้น ยิ่งถ้าอยู่กับตัวเองให้โฟกัสกับความรู้สึกและใส่ใจตัวเองให้มากๆ ช่วงหกเดือนให้หลัง เราพยายามลงทุนกับตัวเองให้มากขึ้น ทั้งแบบหวังและไม่หวังผล ให้รางวัล ใจดีกับตัวเอง ไม่กดดันจนเกินไป (ลด KPI ชีวิตลงเยอะ) ทำให้เห็นช่องว่างที่เราสามารถเติมเต็มได้ แม้ว่าจะมีปัญหาเข้ามา มันก็เจ็บเหมือน...

สร้าง กำลังโต

เรียกฉันว่า... "กำลังโต" ถึงใครที่ผ่านเข้ามา เดี๋ยวนี้คนออกมาเขียนบล็อกกันเยอะไปหมด บางคนมีความตั้งใจ บางคนหมดไฟ ต้องออกมาเขียนระบายความในใจ ซึ่งจริง ๆ เเล้วการเขียนมันก็เหมือนกับเราได้คุยกับคนคนหนึ่ง ที่อยู่ตรงข้ามเเผ่นกระดาษ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเขียนอะไรไปเขาก็รับฟังหมด ที่ปรึกษาที่ดี แล้วมาเขียนบล็อกทำไม? เเต่ที่มาเขียนในนี้ไม่ได้จะมาคุยกับใครนะ จะคุยกับตัวเองนี่เเหละ เพราะคิดว่าเราห่างหายจากการทบทวนความต้องการของตัวเองมานานเเล้ว ไม่รู้กี่ปีที่ไม่ได้ถามว่า อยากทำอะไร มีอะไรที่อยากเเล้วไม่ได้ทำบ้าง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เราจับพลัดจับผลูได้เริ่มทำงาน หลังจากที่เรียนจบ ต่อด้วยโครงการเวิร์คแอนด์เทรเวลที่อเมริการ่วมสี่เดือน ทั้ง ๆ ที่อีกหนึ่งเดือนจะสอบวัดระดับภาษาแล้ว เเพลนเรียนต่อก็มี เเต่ก็คิดว่าน่าจะมีเวลาเหลือพอมานั่งทบทวน อ่านหนังสือสอบได้ ไปๆมาๆ งานมันค่อนข้างยาก เเละเราเองก็ใหม่กับทุกสิ่งในตัวงานที่มอบหมายมาเลยก็ว่าได้ เราเป็นคนที่พรีเซ็นต์งานไม่เก่ง นี่คือจุดด้อยของเรา คือข้อมูลมีเยอะ เเต่เราไม่สามารถเล่าเรื่องออกมาให้เหมือนกับเล่านิทานก่อนนอนได้