เรียกฉันว่า... "กำลังโต"
ถึงใครที่ผ่านเข้ามา
เดี๋ยวนี้คนออกมาเขียนบล็อกกันเยอะไปหมด บางคนมีความตั้งใจ บางคนหมดไฟ ต้องออกมาเขียนระบายความในใจ ซึ่งจริง ๆ เเล้วการเขียนมันก็เหมือนกับเราได้คุยกับคนคนหนึ่ง ที่อยู่ตรงข้ามเเผ่นกระดาษ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเขียนอะไรไปเขาก็รับฟังหมด ที่ปรึกษาที่ดี
เเต่ที่มาเขียนในนี้ไม่ได้จะมาคุยกับใครนะ จะคุยกับตัวเองนี่เเหละ เพราะคิดว่าเราห่างหายจากการทบทวนความต้องการของตัวเองมานานเเล้ว ไม่รู้กี่ปีที่ไม่ได้ถามว่า อยากทำอะไร มีอะไรที่อยากเเล้วไม่ได้ทำบ้าง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เราจับพลัดจับผลูได้เริ่มทำงาน หลังจากที่เรียนจบ ต่อด้วยโครงการเวิร์คแอนด์เทรเวลที่อเมริการ่วมสี่เดือน ทั้ง ๆ ที่อีกหนึ่งเดือนจะสอบวัดระดับภาษาแล้ว เเพลนเรียนต่อก็มี เเต่ก็คิดว่าน่าจะมีเวลาเหลือพอมานั่งทบทวน อ่านหนังสือสอบได้ ไปๆมาๆ งานมันค่อนข้างยาก เเละเราเองก็ใหม่กับทุกสิ่งในตัวงานที่มอบหมายมาเลยก็ว่าได้ เราเป็นคนที่พรีเซ็นต์งานไม่เก่ง นี่คือจุดด้อยของเรา คือข้อมูลมีเยอะ เเต่เราไม่สามารถเล่าเรื่องออกมาให้เหมือนกับเล่านิทานก่อนนอนได้
กว่าจะผ่านสัปดาห์แรกมาได้ ทำเอาไข้เกือบขึ้น เป็นคนคิดมากอยู่เเล้วก็คิดเยอะขึ้นไปอีก เเต่ที่ดีของบริษัทนี้คือ คนอัธยาศัยดี ทำให้เราสบายใจที่จะทำงานมากขึ้น (แต่ก็ยังเเอบเครียดอยู่) บอกก่อนว่าไม่ได้อยู่กันเหมือนครอบครัวนะ เเต่อยู่กันเหมือนเพื่อนร่วมงาน ตามตัวเลยคือ เพื่อน-ร่วม-งาน ในทุกงาน ทุกคนก็จะร่วมมือกัน กับไม่รู้ที่ทำงานอื่น ๆ จะเป็นเหมือนที่นี่มั้ย เเต่เราว่าที่นี่น่าจะเป็นที่ที่ความถี่การประชุมสูงมาก จากที่อ่อนพรีเซนต์อาจจะกลายเป็นโปรในช่วงข้ามเดือนได้เลย (เเต่เรายังไม่ได้เข้าประชุมมาก เพราะว่ามาทำชั่วคราว)
จริง ๆ ตอนนี้ทำมาได้เกือบหนึ่งเดือนเเล้ว ยังไม่มีวี่เเววว่างานจะเสร็จ (อ้าว) ถึงตัวงานจะออกมาไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ เเต่ในหัวสมองตอนนี้คือ งอกงามเป็นทุ่งข้าวสาลีเเล้วอะ นึกทุกวันว่างานเสร็จเเล้วเราต้องภูมิใจมาก จริงจังด้วย ถ้าสัมภาษณ์วันเเรก ๆ ที่เข้ามาเเล้วโดนโจมตีด้วยข้อมูล ระบบ ศัพท์ เเล้วก็การใช้โปรเเกรมต่าง ๆ เปรียบเทียบกับวันนี้ คงเป็นอีกคนเลย แหมเเก ผ่านมาหนึ่งเดือน ภูมิคุ้มกันมันก็ต้านได้ดีขึ้น ไวรัสเก่า ๆ เฮอะ อย่าได้หวังจะกลับมาโจมตี บอกเลยว่ายาก
อ่อใช่ จริง ๆ เป็นครั้งที่สองเเล้วที่รับจ็อบ งานบ้านเเละสวนเเฟร์ รอบที่เเล้วเจ็ดวัน กว่าจะถึงวันสุดท้าย ก็ตายกลายเป็นซอมบี้ รอบนี้สิบวัน สิงสู่อยู่เสาบ้านเลย เฝ้าบ้านตัวอย่างจนรู้ทุกเรื่องบ้านแล้ว เวียนหัวบ่อยเพราะคนเข้ามาถามเยอะ เเต่ก็ชอบงานนี้ เพราะทำให้เราได้ร่วมงาน ได้เจอกับคนต่างสายงาน เราก็จะรู้ว่าเขามองสิ่งเดียวกับเรายังไง ความคิดในมุมของคนที่เรียนเเบบนี้นั้นมา ส่วนใหญ่เเล้วจะออกมาทางไหน ช่วยให้เราอ่านใจคนได้บ้าง เหมือนกับทำโจทย์เลข เราเจอโจทย์เเนวนี้ซ้ำ ๆ เราก็จะรู้วิธีแก้โจทย์ กับคน พอเราเจอคนลักษณะเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เราก็จะพอรู้เเนวทางการเเก้ไขความสัมพันธ์ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ เเม้ว่าคนจะมีความซับซ้อนกว่าโจทย์เลขก็เถอะ
เราก็ไม่รู้ (อ้าว) คือเราก็คือคนคนหนึ่งที่กำลังจะเปลี่ยนสถานะจากนักเรียน มาเป็นคนทำงาน เเล้วก็อยู่ในสภาวะการเรียนรู้งาน ประสบการณ์ มันมีหลายเรื่องที่เรายังไม่เคยได้ลอง ก็เลยเปรียบตัวเองว่า ฉันนี่เเหละ ที่"กำลังโต" ฉะนั้นฉันจะทำสิ่งที่ฉันอยากจะทำ ลองสิ่งที่ฉันอยากจะลอง รู้ในสิ่งที่อยากรู้ ถ้าฉันบอกตัวเองว่าฉันโตเเล้ว คำว่าโตมันคือกำเเพงที่ทำให้ฉันคิดไปว่า เฮ้ย ทำในสิ่งที่เด็ก มันไม่สมวัย มันเหมือนคนไม่โตเลย เเค่เพิ่ม "กำลัง" เข้าไป ก็ทำให้อยู่ในห้วงของเวลาทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาคตได้ -- และพร้อมเรียนรู้
หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ คุณคือเพื่อนของฉัน
ด้วยรักเเละกำลังโต,
โตเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น