ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อ้ายอยู่บนดอย PART 2 : โอเอ็มจี

PART 2 : โอเอ็มจี
ถึงค่ายเปิดค่ายทำความรู้จัก
ไม่มีพักกางเต๊นท์กันอย่างขยัน
หาทำเลที่ไม่มีคนกรนกัน
แต่ยังไงไม่พ้นกันสักเต๊นท์เดียว
ทำอาหารมื้อเเรกคิดว่าง่าย
มองกองผักสูงเท่าควายเเล้วเเอบเสียว
โอเอ็มจีกินทุกวันน่าจะเพรียว
แรกไข่เจียวผัดผักแบบชิวชิว
กะหล่ำกับผักกาดไม่เท่าไหร่
ถั่วฝักยาว5โลเห็นจนหายหิว
ผักใบอย่างละโลกินแก้ฮัดชิ่ว
อยากจะโยนให้ปลิวลงดอยไป
ทำอาหารกับความเย็นเเสนเข็ญยาก
หุงข้าวก็ลำบากดิบสุกไหม้
ศัพท์พี่เเบงค์เรียกข้าวสามกษัตริย์ไง
ดูไฮโซเก๋ไก๋ชะเอิงเอย
สวัสเสร็จจับฉลากพร้อมเปิบข้าว
ดูง่วงหงาวหาวนอนจนชาวค่ายเอ๋ย
ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเลย
กินข้าวเสร็จเงยหน้ามาต้องล้างจาน
ขอแสดงความยินดีกับกลุ่มแรก
หลังจากเเดร๊กมึนมึนไม่ล้างผลาญ
ต้องเผชิญความหนาวเหน็บทีมล้างจาน
วิชามารล้างถูขัดไม่พูดจา
วัฎจักรการกินหมดสิ้นเเล้ว
ตาแป้วๆมองมาน่าโสสา
ล้อมวงนั่งฟังประวัติหน่วยโต้น้า
และพูดย้ากฎค่ายอีกสักที
กฎเคร่งๆห้ามร้องเพลงนอกค่าย
ดูเหมือนง่ายไปๆมาๆง่ายกะผี
เลยสอนเพลงในค่ายให้จำดี
'บ้านบนดอย'เพลงนี้ของประจำ
นอนคืนเเรกขนลุกซ่อซู่ซ่า
เฮ่ยฮัดช่าใครบอกหนาวขำๆ
ตื่นมาใส่เสื้อกางเกงทับซ้ำซ้ำ
เต๊นท์ก็ช้ำเหมือนถูกฝนยำทั้งคืน.
‪#‎ค่ายอ้ายอยู่บนดอย‬ ‪#‎anurakchula‬



"อ้ายอยู่บนดอย" 
ค่ายที่จะพาทุกคนไปพบกับอมก๋อยในอีกมุมมองหนึ่ง
อมก๋อยกับป่าต้นน้ำ ณ หน่วยจัดการต้นน้ำ ขุนเเม่หาด อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
เรียนรู้วิถีการจัดการป่าเเละน้ำของชุมชนชาวกะเหรี่ยง

ติดตามข้อมูลเเละกิจกรรมของชมรมได้ที่ https://www.facebook.com/ClubofEnvironmentalConservationCU/?fref=ts (ชมรมอนุรักษ์สภาพแวดล้อม แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Animal Inspired : ผีเสื้อปีกหัก

ผีเสื้อ เป็นสัตว์ปีกที่สวยงาม มันบินได้เพราะปีก และปีกของมันก็ถูกแต่งแต้มไปด้วยลวดลายต่างๆ บ้างก็เป็นลายสีสันสวยงาม บ้างก็เป็นเพียงสีขาวดำเอาไว้หลอกตาศัตรู “ ปีกของผีเสื้อสำคัญที่สุด ขาดปีก มันก็บินไม่ได้ แล้วคนเราล่ะ....อะไรสำคัญที่สุด ” สิ่งที่เราใฝ่ฝันมาว่าชั่วชีวิตหนึ่ง อยากได้ อยากมี อยากเป็น เราขาดมันได้หรือไม่ ถ้าเราขาดมันได้ แล้วอะไรล่ะ ที่เราลืมไปแล้ว ว่ามันคือสิ่งที่เราไม่ต้องไขว่คว้า ยามที่เราท้อ เราพ่ายแพ้ หมดหวังในชีวิต มันก็อยู่กับเราตลอดเวลา เพียงแต่รอเวลาที่จะถูกใช้เพียงเท่านั้น คำตอบอยู่ไม่ไกลตัวเรานี่เอง  “ปล่อยวาง... คำคำเดียวที่ทำให้โลกของเราสดใสขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ คำที่ผีเสื้อปีกหักจะพูดกับตัวเองได้ในวันที่แพ้ จนถึงวันนั้น แม้มันไม่มีปีก มันก็จะไม่เสียใจ” เพียงแค่เราปล่อยวาง สิ่งที่ผิดพลาดไปวันนั้น สิ่งที่เป็นบาดแผล ตอกย้ำหัวใจของเรา ก็จะค่อยๆหายไป ผีเสื้อปีกหัก ก็จะโบยบินไปในโลกของตัวเอง อย่างไม่ต้องเป็นทุกข์อีกต่อไป Inspired by  Butterfly

2019 in Brief

บันทึกของปี 2019 (โดยสังเขป)  จาก 2018 ที่ทลายความเชื่อเรื่องความสัมพันธ์ในใจเรา ทำให้เราต้องตั้งหลักกับ self-relationship มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นได้ทั้งหมด เราพยายาม คอร์สดำน้ำช่วยได้ระดับหนึ่ง คนใกล้ตัวระดับหนึ่ง App Slowly ระดับหนึ่ง เริ่ม 2019 ได้กระท่อนกระแท่น ปั่นป่วน ทั้งเรื่องงาน ทั้งใจ รู้สึกตัวเองเปราะบาง รับมือและจัดการกับปัญหาได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น ความรับผิดชอบ หน้าที่มากขึ้น เราไม่ค่อยฟุ้งซ่านแล้ว ทริปที่ฮีลในช่วงต้นปีคงเป็นทริปต่างประเทศครั้งแรกกับเเม่และน้องสาว พาหนาว พาหลง เป็นทริปที่ดีมากๆ และตั้งใจว่าจะหาเวลาไปเที่ยวกับครอบครัวให้มากขึ้น เรายังสนิทกันได้มากกว่านี้ Lesson learn หนึ่งอย่าง คืออยู่กับอะไรให้โฟกัสกับสิ่งนั้น ยิ่งถ้าอยู่กับตัวเองให้โฟกัสกับความรู้สึกและใส่ใจตัวเองให้มากๆ ช่วงหกเดือนให้หลัง เราพยายามลงทุนกับตัวเองให้มากขึ้น ทั้งแบบหวังและไม่หวังผล ให้รางวัล ใจดีกับตัวเอง ไม่กดดันจนเกินไป (ลด KPI ชีวิตลงเยอะ) ทำให้เห็นช่องว่างที่เราสามารถเติมเต็มได้ แม้ว่าจะมีปัญหาเข้ามา มันก็เจ็บเหมือน...

สร้าง กำลังโต

เรียกฉันว่า... "กำลังโต" ถึงใครที่ผ่านเข้ามา เดี๋ยวนี้คนออกมาเขียนบล็อกกันเยอะไปหมด บางคนมีความตั้งใจ บางคนหมดไฟ ต้องออกมาเขียนระบายความในใจ ซึ่งจริง ๆ เเล้วการเขียนมันก็เหมือนกับเราได้คุยกับคนคนหนึ่ง ที่อยู่ตรงข้ามเเผ่นกระดาษ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเขียนอะไรไปเขาก็รับฟังหมด ที่ปรึกษาที่ดี แล้วมาเขียนบล็อกทำไม? เเต่ที่มาเขียนในนี้ไม่ได้จะมาคุยกับใครนะ จะคุยกับตัวเองนี่เเหละ เพราะคิดว่าเราห่างหายจากการทบทวนความต้องการของตัวเองมานานเเล้ว ไม่รู้กี่ปีที่ไม่ได้ถามว่า อยากทำอะไร มีอะไรที่อยากเเล้วไม่ได้ทำบ้าง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เราจับพลัดจับผลูได้เริ่มทำงาน หลังจากที่เรียนจบ ต่อด้วยโครงการเวิร์คแอนด์เทรเวลที่อเมริการ่วมสี่เดือน ทั้ง ๆ ที่อีกหนึ่งเดือนจะสอบวัดระดับภาษาแล้ว เเพลนเรียนต่อก็มี เเต่ก็คิดว่าน่าจะมีเวลาเหลือพอมานั่งทบทวน อ่านหนังสือสอบได้ ไปๆมาๆ งานมันค่อนข้างยาก เเละเราเองก็ใหม่กับทุกสิ่งในตัวงานที่มอบหมายมาเลยก็ว่าได้ เราเป็นคนที่พรีเซ็นต์งานไม่เก่ง นี่คือจุดด้อยของเรา คือข้อมูลมีเยอะ เเต่เราไม่สามารถเล่าเรื่องออกมาให้เหมือนกับเล่านิทานก่อนนอนได้