ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

พับดาว

สิ่งที่ฉันจะพิมพ์ต่อจากนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน...เรื่องของความรัก

หญิงสาวช่างเพ้อฝันคนหนึ่ง เธอสูงไม่ถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ขาใหญ่ เเถมยังผิวคล้ำ รูปร่างตรงกันข้ามกับสเปคชายไทย เธอแอบชอบคนที่เคยทำกิจกรรมร่วมกันคนหนึ่ง เเทททูอาจจะมีรักเเรกพบ แต่สำหรับเธอ ที่ไม่ได้มองคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ไม่มีคำว่ารักเเรกพบในพจนานุกรมของเธอ เเต่มีคำว่าผูกพันเกิดขึ้น

ไม่รู้หรอกว่า ความสัมพันธ์นั้นเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที เธอก็ชอบเขาไปแล้ว

ถ้อยคำเพียงไม่กี่คำที่ส่งผ่านบทสนทนาตัวหนังสือ ก็ทำให้เธอเก็บไปยิ้มได้ทั้งวัน พวกเขาคุยกัน โดยมากเธอเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน แค่มีจุดสามจุด บ่งบอกว่าเขากำลังพิมพ์ตอบข้อความของเธออยู่ แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว  

การสนทนาเป็นไปได้ด้วยดี บางครั้งมีรับส่งกันอย่างเข้าขา แต่บางครั้งเขาก็จะงงๆหน่อย เพราะคำที่เธอส่งมานั้น มีความหมายแฝงบ้าง เป็นศัพท์ที่เขาไม่ค่อยได้ใช้ในวิชาชีพนัก กลับกัน เธอเองก็ต้องทำตัวเหมือนพจนานุกรม แปลเเละเดาคำศัพท์แปลกๆ ที่มีวรรณยุกต์แตกต่างจากที่เธอเคยใช้บ้าง พิมพ์ผิดๆถูกบ้าง พักหลังมานี้ ที่เธอจงใจพิมพ์ตกๆหล่นๆ คงได้รับอิทธิพลมาจากเขา 

การสนทนาไม่ได้จบในวันเดียว เธอและเขาต่อบทสนทนาให้ยาวขึ้นไปอีก คั่นด้วยสติ๊กเกอร์บ้าง หายไปบ้าง เวลาไม่ตรงกัน เธอตอบ เขานอน เขาตอบ เธอนอน เป็นวัฏจักรเช่นนี้วนไปเรื่อย จนกระทั่ง 'ความเคยชิน' เดินทางเข้ามา

เธอไม่รู้หรอกว่า สิ่งนี้ จะทำให้เธอยึดติดกับเขามากขึ้น เข้าข้างตัวเอง คาดหวังการตอบรับ และอื่นๆอีกมาก ที่ตอนเริ่มความสัมพันธ์เธอไม่ได้นึกถึง 

ความเคยชิน ทำให้เธอมองข้ามหลายสิ่ง เธอไม่รู้ ว่าเขาคิดอะไรตอนที่ส่งสติกเกอร์ลายกวนประสาทมา เธอยิ้ม ยิ้มเพราะสมองนึกถึงรอยยิ้มกวนประสาทของเขา เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคิดกับเธอในฐานะอะไร เธอไม่รู้ ที่เขาให้เธอช่วยเหลือบางเรื่องนั้น เป็นเพราะเขาเชื่อใจเธอ หรือแค่อยากใช้เธอ เธอไม่รู้ ว่าที่จริงแล้ว เขามีใครอยู่ในใจแล้วหรือไม่ 

ถึงจะไม่ชัดเจน เธอก็ยอมรับ และอยู่กับมัน เวลาเจอหน้ากัน ทักทายกัน ดูเหมือนปกติ แต่ข้างในสั่นไหว เวลาที่ทำงานด้วยกัน หยอกล้อกัน กวนประสาทกัน เธอคิดไปไกล 

เธอชอบ เวลาที่เขายิ้มให้เธอ แม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มฉันท์เพื่อน
เธอชอบ ให้เขาแกล้งเธอ เป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่จะดึงดูดเขาให้อยู่กับเธอได้บ้าง
เธอชอบ เวลาเขาเป็นตัวเอง ไม่ว่าจะเงียบ หรือกวน เขาก็ยังเป็นเขา
เธอชอบ ที่เขาให้เธอช่วยทำบางอย่าง อย่างน้อย เขาก็นึกถึงเธอ

เธอเขิน ทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้
เมื่อเธอเขิน เธอเลยไม่ยอมมองหน้าเขา แต่เธอเป็นนักเนียน เธอชอบหาช่องว่างให้ได้อยู่ใกล้เขา ได้ร่วมวงสนทนา ได้กินอาหารร่วมกัน เเม้ว่าเธอจะไม่มองหน้าเขา ได้ยินเสียงก็ยังดี

ครั้งเเรกที่เธอได้ไปเที่ยวด้วยกันกับเขา เธอตื่นเต้นมาก ไม่รู้ทำไมการเลือกเสื้อผ้าก่อนออกจากบ้านจึงใช้เวลานานกว่าทุกวัน ไปเที่ยวกับเขา สนุก เเละน่าตื่นเต้น เธอสังเกต เรียนรู้ และจดจำ สิ่งที่เขาชอบกิน ท่าทางของเขาที่มีต่อสิ่งต่างๆ ฟังดูน่ากลัว เเต่บอกไปแล้วว่าเธอเป็นนักเนียน เนียนมากด้วย 

บ่อยครั้งเธอรู้สึกว่าเวลาที่อยู่กับเขาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน การที่เธอเเละเขาจะได้พบกันก็ไม่ง่าย ต้องจากกันอีกแล้ว ตอนที่อยู่ด้วยกัน หากเธอทำอย่างนั้นน่าจะดี อย่างโน้นน่าจะดี ทำได้เเต่คิด หลังจากเเยกย้ายกันเเล้ว 

นานเข้า บทสนทนาเริ่มว่างเปล่า เธอไม่รู้จะหาเรื่องคุยอะไร เพลง หรือความชอบอื่นๆ เธอไม่รู้เลย 

ว่างเปล่า 

แม้ว่างานเเละหนังสือกำลังจะทับตัวเธออยู่รอมร่อ แต่เธอไม่มีสมาธิเลย รู้ตัวเอง แต่เผลอทีไร หน้าเขาก็ลอยขึ้นมาทุกที แล้วเธอก็ไปนั่งอ่านแชทที่คุยกัน รำลึกความหลัง ย้ำให้สมองไม่เลิกคิดถึงเขา 

เธอเคยคิดอยู่หลายต่อหลายครั้ง ว่าจะบอกเขาไปตรงๆ ว่าเธอรู้สึกอย่างไร เธอชอบความชัดเจนอยู่เเล้ว 
แต่มันก็ดูเห็นแก่ตัวนะ ถ้าเธอแค่ทำเพื่อความสบายใจของตัวเอง แล้วเขาอึดอัด เธอยังจะสามารถคุยเล่นกับเขาได้อีกหรือ ไหนจะงานที่จะต้องร่วมกันทำอีก ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี ถ้ามันชะงักเพราะเธอล่ะ เธอรับผิดชอบไหวหรือ 


ไม่!
เธอไม่มีความสามารถมากพอจะจัดการกับความรู้สึกที่อ่อนไหวของคนหรอก เธอหวังว่าเวลาจะช่วยเธอได้ 

conversation deleted 

เธอตัดสินใจอย่างรวดเร็ว คิดว่าทางออก คือการลบทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้คิดถึงเขา ไม่รู้ว่าได้ผลหรือไม่ แต่มันก็เกิดขึ้น 

แม้ว่าบทสนทนาจะถูกลบไปแล้ว เพลงที่เคยส่งถึงกัน คำปลงตกของเขาที่อ่านเเล้วตลก ยังแจ่มชัด และมีประโยคหนึ่ง เขาส่งมาให้เธอ เป็นประโยคสั้นๆ 

'อย่าเสียใจไปเลย
ให้เขาเสียใจคนเดียวพอ'

พอไหม ที่จะทำให้เธอคิดเข้าข้างตัวเองอย่างสุดขีด
พอไหม ที่เธอจะยิ้ม ทุกครั้งที่อ่านมัน 
ไม่พอหรอก อีกสำนึกหนึ่งเเย้ง แค่ข้อความสั้นๆ ที่ถูกส่งผ่านตัวหนังสือ

เขาชอบดาว 
เธอชอบเขา
เธอพับดาว

ทำได้เพียงพับดาวกระดาษใส่โหลแก้วเก็บเอาไว้เท่านั้น ไม่มีวันที่ดาวกระดาษจะส่องสว่างบนท้องฟ้า เพราะเธอจะเก็บมันเอาไว้ในใจ...อย่างดี 




ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ5 มีนาคม 2565 เวลา 02:57

    Aluminum Wheels - Titanium Strength Wheels - The Tip
    The TipyTit® Titanium Wheels are titanium hammer made in a very durable titanium quartz aluminum frame with an easy-to-use design and mens titanium wedding rings a versatile angle titanium network surf freely of rotation that lets you titanium engagement rings take the $44.00 · ‎In stock

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Animal Inspired : ผีเสื้อปีกหัก

ผีเสื้อ เป็นสัตว์ปีกที่สวยงาม มันบินได้เพราะปีก และปีกของมันก็ถูกแต่งแต้มไปด้วยลวดลายต่างๆ บ้างก็เป็นลายสีสันสวยงาม บ้างก็เป็นเพียงสีขาวดำเอาไว้หลอกตาศัตรู “ ปีกของผีเสื้อสำคัญที่สุด ขาดปีก มันก็บินไม่ได้ แล้วคนเราล่ะ....อะไรสำคัญที่สุด ” สิ่งที่เราใฝ่ฝันมาว่าชั่วชีวิตหนึ่ง อยากได้ อยากมี อยากเป็น เราขาดมันได้หรือไม่ ถ้าเราขาดมันได้ แล้วอะไรล่ะ ที่เราลืมไปแล้ว ว่ามันคือสิ่งที่เราไม่ต้องไขว่คว้า ยามที่เราท้อ เราพ่ายแพ้ หมดหวังในชีวิต มันก็อยู่กับเราตลอดเวลา เพียงแต่รอเวลาที่จะถูกใช้เพียงเท่านั้น คำตอบอยู่ไม่ไกลตัวเรานี่เอง  “ปล่อยวาง... คำคำเดียวที่ทำให้โลกของเราสดใสขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ คำที่ผีเสื้อปีกหักจะพูดกับตัวเองได้ในวันที่แพ้ จนถึงวันนั้น แม้มันไม่มีปีก มันก็จะไม่เสียใจ” เพียงแค่เราปล่อยวาง สิ่งที่ผิดพลาดไปวันนั้น สิ่งที่เป็นบาดแผล ตอกย้ำหัวใจของเรา ก็จะค่อยๆหายไป ผีเสื้อปีกหัก ก็จะโบยบินไปในโลกของตัวเอง อย่างไม่ต้องเป็นทุกข์อีกต่อไป Inspired by  Butterfly

2019 in Brief

บันทึกของปี 2019 (โดยสังเขป)  จาก 2018 ที่ทลายความเชื่อเรื่องความสัมพันธ์ในใจเรา ทำให้เราต้องตั้งหลักกับ self-relationship มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นได้ทั้งหมด เราพยายาม คอร์สดำน้ำช่วยได้ระดับหนึ่ง คนใกล้ตัวระดับหนึ่ง App Slowly ระดับหนึ่ง เริ่ม 2019 ได้กระท่อนกระแท่น ปั่นป่วน ทั้งเรื่องงาน ทั้งใจ รู้สึกตัวเองเปราะบาง รับมือและจัดการกับปัญหาได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น ความรับผิดชอบ หน้าที่มากขึ้น เราไม่ค่อยฟุ้งซ่านแล้ว ทริปที่ฮีลในช่วงต้นปีคงเป็นทริปต่างประเทศครั้งแรกกับเเม่และน้องสาว พาหนาว พาหลง เป็นทริปที่ดีมากๆ และตั้งใจว่าจะหาเวลาไปเที่ยวกับครอบครัวให้มากขึ้น เรายังสนิทกันได้มากกว่านี้ Lesson learn หนึ่งอย่าง คืออยู่กับอะไรให้โฟกัสกับสิ่งนั้น ยิ่งถ้าอยู่กับตัวเองให้โฟกัสกับความรู้สึกและใส่ใจตัวเองให้มากๆ ช่วงหกเดือนให้หลัง เราพยายามลงทุนกับตัวเองให้มากขึ้น ทั้งแบบหวังและไม่หวังผล ให้รางวัล ใจดีกับตัวเอง ไม่กดดันจนเกินไป (ลด KPI ชีวิตลงเยอะ) ทำให้เห็นช่องว่างที่เราสามารถเติมเต็มได้ แม้ว่าจะมีปัญหาเข้ามา มันก็เจ็บเหมือน...

สร้าง กำลังโต

เรียกฉันว่า... "กำลังโต" ถึงใครที่ผ่านเข้ามา เดี๋ยวนี้คนออกมาเขียนบล็อกกันเยอะไปหมด บางคนมีความตั้งใจ บางคนหมดไฟ ต้องออกมาเขียนระบายความในใจ ซึ่งจริง ๆ เเล้วการเขียนมันก็เหมือนกับเราได้คุยกับคนคนหนึ่ง ที่อยู่ตรงข้ามเเผ่นกระดาษ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเขียนอะไรไปเขาก็รับฟังหมด ที่ปรึกษาที่ดี แล้วมาเขียนบล็อกทำไม? เเต่ที่มาเขียนในนี้ไม่ได้จะมาคุยกับใครนะ จะคุยกับตัวเองนี่เเหละ เพราะคิดว่าเราห่างหายจากการทบทวนความต้องการของตัวเองมานานเเล้ว ไม่รู้กี่ปีที่ไม่ได้ถามว่า อยากทำอะไร มีอะไรที่อยากเเล้วไม่ได้ทำบ้าง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เราจับพลัดจับผลูได้เริ่มทำงาน หลังจากที่เรียนจบ ต่อด้วยโครงการเวิร์คแอนด์เทรเวลที่อเมริการ่วมสี่เดือน ทั้ง ๆ ที่อีกหนึ่งเดือนจะสอบวัดระดับภาษาแล้ว เเพลนเรียนต่อก็มี เเต่ก็คิดว่าน่าจะมีเวลาเหลือพอมานั่งทบทวน อ่านหนังสือสอบได้ ไปๆมาๆ งานมันค่อนข้างยาก เเละเราเองก็ใหม่กับทุกสิ่งในตัวงานที่มอบหมายมาเลยก็ว่าได้ เราเป็นคนที่พรีเซ็นต์งานไม่เก่ง นี่คือจุดด้อยของเรา คือข้อมูลมีเยอะ เเต่เราไม่สามารถเล่าเรื่องออกมาให้เหมือนกับเล่านิทานก่อนนอนได้